Open menu

               สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ คณะศิลปกรรมศาสตร์  ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมแบบบูรณาการ(U2T)ตำบลวังสวาบ ได้ดำเนินการกิจกรรมย่อย : การพัฒนาแบรนด์สินค้าและบรรจุภัณฑ์ ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ น.สพ.ดร.ชูชาติ กมลเลิศ ผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ และคณะผู้บริหาร กล่าวเปิดกิจกรรม และติดตามผลดำเนินงาน วิทยากรโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงจันทร์ นาชัยสินธุ์ พร้อมทีมงานนักศึกษาหลักสูตรออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่อง แนวคิดในการพัฒนาแบรนด์สินค้าและบรรจุภัณฑ์ เป็นการฝึกปฏิบัติแบ่งกลุ่มผู้ประกอบการแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์ สามารถผลิตสินค้าออกจำหน่ายเชิงพาณิชย์ อย่างมีคุณภาพและมีความปลอดภัย กิจกรรมปฏิบัติการขึ้นรูป กล่อง ขวด สำหรับการสร้างต้นแบบ  2 มิติ และ 3 มิติ  ในบรรจุภัณฑ์รูปแบบต่างๆ ทั้งวัสดุพื้นถิ่นและวัสดุแบบสากล เน้นการจัดเรียงองค์ประกอบสำคัญ ของตราสินค้า ลวดลาย ฉลากบรรจุภัณฑ์ ในระหว่างวันที่ 25 - 26 ตุลาคม 2564 องค์การบริหารส่วนตำบลวังสวาป อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น

S196444166

S196444177

S196444193

S196444197

S196444170

S196444172

S196444209

S196444206

S196444205

S196444203

 

       วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.00 น. ณ โรงละคร คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างคณะศิลปกรรมศาสตร์และคณะศึกษาศาสตร์ เพื่อให้เกิดพัฒนาการจัดการศึกษา สู่การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางของกระบวนทัศน์ใหม่ ทำให้ผู้เรียนได้ 2 ใบปริญญาบัตรเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพครูซึ่งในปัจจุบันผู้สำเร็จการศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์เป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางแต่ไม่สามารถประกอบวิชาชีพครูเพื่อถ่ายทอดความรู้ที่ตนเองมีให้กับสังคมตาม ระบบการศึกษาได้ ทางคณะศิลปกรรมศาสตร์และคณะศึกษาศาสตร์จึงได้เกิดแนวความคิดนี้ร่วมกันขึ้นมา
       การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการลงนามโดย ผศ.ดร.บุรินทร์ เปล่งดีสกุล คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ และ รศ.ดร.สุมาลี ชัยเจริญ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และได้รับเกียรติอย่างสูงจาก รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี ร่วมเป็นสักขีพยานและกล่าวชื่นชมถึงความร่วมมือในครั้งนี้ และนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของทั้งสองคณะให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการผลิตบัณฑิต ภายใต้หลักสูตรสองปริญญา ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรายวิชาในระหว่างหลักสูตรดุริยางคศาสตร์บัณฑิตและหลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิตสาขาดนตรีได้ เป็นหลักสูตรที่ส่งเสริมบูรณาการข้ามศาสตร์ตามแนวทางระบวนทัศน์ใหม่ ที่เป็นไปตามนโยบายมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นการพัฒนานักศึกษาให้มีการเรียนรู้ในวิธีการและวิชาชีพที่จำเป็นมากต่อการศึกษาไทย
DSC3707
DSC3655
DSC3671
DSC3674
DSC3684
DSC3685
DSC3691
DSC3704

     คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยอาจารย์พงศธร ยอดดำเนิน อาจารย์ประจำสาขาวิชาดนตรีและการแสดง (ผู้ฝึกสอน) นำนักศึกษาหลักสูตรวิชาเอกนาฏยศิลป์อีสาน สาขาวิชาดนตรีและการแสดง คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการประกวดการแสดงศิลปวัฒนธรรม “สืบสานวัฒนศิลป์ แผ่นดินสยาม” ครั้งที่ 1 ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท จัดโดยกองทัพบก ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม และบริษัท ปตท. จำกัด เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๙ พรรษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ในด้านการอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้คงอยู่ในประเทศไทย และเพื่อเสริมสร้างความรัก ความศรัทธา ปลูกจิตสำนึกและแรงกระตุ้นให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่าได้เทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยใช้การแสดงเป็นสื่อกลาง ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนส่งทีมเข้าร่วมประกวดครั้งนี้เป็นจำนวน 94 ทีม ในรูปแบบออนไลน์

     และในวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๔ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณากลั่นกรองผลงานที่ส่งเข้าร่วมประกวดและทำการคัดเลือกทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ๑๐ ทีมสุดท้าย ผลปรากฏว่าคณะโกนเจา จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็น ๑ ใน ๑๐ ที่ได้รับการคัดเลือกจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และเมื่อวานนี้ ๒๙ กันยายน ๑๕๖๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นการประกวดในรอบชิงชนะเลิศ ทีมโกนเจาสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ มาได้อย่างภาคภูมิ

     อาจารย์พงศธร ยอดดำเนิน ได้กล่าวถึงเนื้อหาบางส่วนของการแสดงว่า “ฉากบวชนาค แห่นาคหลังช้าง แบบพื้นบ้านอีสานใต้ ๑ ใน ๔ เป็นฉากของการแสดงเมื่อวาน จากทีมมหาวิทยาลัยขอนแก่น ช่วงการแสดงนี้ชื่อว่า “พระผู้ทรงเอกอัครศาสนูปถัมภก” นำเสนอเรื่องราวพระราชกรณียกิจด้านศาสนา ผ่านพิธีกรรมบวชนาคแบบเขมรถิ่นไทยกับแนวคิดที่ว่า “บวชเรียนแทนพระคุณบุพการี แม้แต่องค์กษัตราก็ทรงรักษาศาสนาพุทธเรา”ตัวละครหลักคือ พี่ชายที่ไปเป็นทหาร กลับมาบวชทดแทนพระคุณ. เราเชื่อมเรื่องด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระพันปีและพระราชินีสุทิดาด้านการทอผ้า  คุณยายตั้งใจและรอคอยวาระสำคัญของคนในครอบครัว “ทอผ้า” ที่ดีที่สุดด้วยความรักเพื่อให้หลานชายได้นุ่งในพิธีทำขวัญและนุ่งไปบวช ตามประเพณี คติความเชื่อ เรื่องผ้าและเครื่องแต่งกายในพิธีกรรมบวชนาคเขมรถิ่นไทย  ดนตรีและขับลำนำ ประโคมรับขวัญนาค และแห่แหนไปบวช เป็นเครื่องสะท้อนสภาพสังคมที่อุดมไปด้วยความเชื่อด้านต่าง ๆ ตามคำโบราณที่ไว้สอนเจ้าบ่าว เจ้าสาว ในพิธีทำขวัญแต่งงาน “บานโกนเปราะฮ์ ออยบานตุม กะบาลตำแร็ย” แปลว่า หากมีลูกชาย ให้ได้นั่งหัวช้าง (นั่งช้างไปบวช) ”

     โกนเจา เป็นภาษาเขมรแปลว่า ลูกหลาน ที่ตั้งชื่อนี้เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการเรียนการสอนแบบปฏิบัติการของนักศึกษาชั้นปีที่ 2 แขนงวิชานาฏยศิลป์อีสาน ในรายวิชานาฏยศิลป์กลุ่มวัฒนธรรมโคราช-กันตรึม (นาฏศิลป์อีสานใต้) ภาคเรียนที่ 1 / 2564 เลยใช้ชื่อให้มีภาษาถิ่นตามรายวิชา ผู้แสดงยกทั้งชั้นเรียนเพื่อได้ร่วมกันทำงานทั้งรุ่น

ขอขอบคุณข้อมูล / ภาพ พงศธร ยอดดำเนิน

 1

3

4

5

7

6

9

10

 

 

 

 

 

     วานนี้ พฤหัสบดีที่ 30 กันยายน 2564 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมสายสุรี จุติกุล คณะศึกษาศาสตร์ ผศ.ดร.บุรินทร์ เปล่งดีสกุล คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ ได้เดินทางเข้าร่วมการจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญผู้เกษียณอายุราชการ “สู่เส้นชัยวัยเกษียณ ความภาคเพียรที่ภาคภูมิ” เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ความผูกพันและเพื่อเป็นการแสดงมุฑิตาจิตแด่ผู้เกษียณอายุราชการของมหาวิทยาลัยขอนแก่น สำหรับในปีนี้เป็นการจัดงานเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด – 19 จึงจำกัดผู้เข้าร่วมงาน โดยมีผู้แทนเข้าร่วมกิจกรรมและเน้นการเข้าร่วมแบบออนไลน์และการถ่ายทอดสด และในพิธีครั้งนี้ทางคณะศิลปกรรมศาสตร์ ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมด้วยการแสดงชุดรำเพื่อมุฑิตาจิตแก่ผู้เกษียณจากนักศึกษาเอกนาฏยศิลป์อีสาน และควบคุมการแสดงโดย ผศ.ดร.ศราวดี ภูชมศรี
ขอขอบคุณภาพจากกองสื่อสารองค์กร มข.
04
05
02
03
DSC00896
DSC00930
06
DSC00912
 

 

 

          คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดตัวหลักสูตรปรับปรุงใหม่ระดับปริญญาตรี ในชื่อ “หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการแสดง (Performance Practice)” ชื่อปริญญา ศป.บ.(การแสดง) หรือ B.F.A. (Performance Practice) ถือเป็น หลักสูตรทางด้านศิลปกรรมศาสตรบัณฑิตหลักสูตรแรกของประเทศไทย และสาขาการแสดงสาขาแรกในประเทศไทยที่พร้อมในการปรับการเรียนการสอนเข้าสู่กระบวนทัศน์ใหม่ (New Paradigm) 

          โดยเน้นการเรียนรู้ที่มุ่งสู่ผลลัพธ์การเรียนรู้ (outcome-based learning) เป็นเป้าหมายของการศึกษา เน้นการพัฒนาและประเมินสมรรถนะ (Competency) ของผู้เรียน เปลี่ยนมาใช้ระบบชุดวิชา (Modules) ปรับเปลี่ยนบทบาทของ “อาจารย์” เป็น “โค้ช (Coach)” เน้นการจัดการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จากการฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จริง (Experiential-based Learning) เน้นการจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการและการพัฒนารายบุคคล (Personalized Learning) การส่งเสริมการเรียนรู้แบบใหม่ (Flipped classroom) โดยเน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Experiential learning) ผ่านโครงงาน (Project-based learning) และกลวิธีการสอนแบบที่เน้นการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based instruction) และ การใช้วิจัยเป็นฐาน (Research-based Instruction) และการบูรณาการเรียนรู้ผ่านพื้นที่/สถานประกอบการ (Work-integrated learning) และการสร้างหลักสูตรใหม่ตามความต้องการของสังคมผ่านการจัดการเรียนการสอนในหลายรูปแบบทั้งการเรียนในมหาวิทยาลัย การเรียนผ่านสื่อออนไลน์ และการเรียนรู้จากพื้นที่จริงจากสถานประกอบการและชุมชน รวมถึงพัฒนานักศึกษาให้มีสมรรถนะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21

          ในการปรับปรุงหลักสูตรจากเดิมคือหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการแสดง มาเป็นหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการแสดง (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2565) ในครั้งนี้คณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรได้พิจารณาถึงปัจจัยและผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ แผนพัฒนาประเทศในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565-2570) ตลอดจนแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในยุคการเปลี่ยนฉับพลันทางดิจิทัลเป็นหลักสำคัญ จึงได้หันกลับมามองเรื่อง “พื้นที่ทางสังคมและวัฒนธรรมพื้นถิ่น” เนื่องจากจังหวัดขอนแก่นตั้งอยู่ศูนย์กลางของภาคอีสาน และพื้นที่ที่รุ่มรวยด้วยมรดกทางศิลปวัฒนธรรม จึงได้ให้ความสำคัญกับการสร้างงานทางศิลปะการแสดง จากฐานศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน ผ่านขบวนการความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creativity)

          เพื่อพัฒนาและสร้างหลักสูตรที่ผลิตบัณฑิตให้กลายเป็น นักสร้างและนักปฏิบัติการทางการแสดง ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนและสังคมด้วยฐานคิดและเครื่องมือทางการแสดงเพื่อก่อให้เกิดผลงานการแสดง เกิดกระบวนการคิดและกลวิธีการใหม่ ๆ ผสานกับเครื่องมือและหลักคิดทางศิลปะการละครตะวันตก โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพและเข้าใจความแตกต่างหลากหลายทางศิลปะและวัฒนธรรม ตลอดจนใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นตัวแปรสำคัญในการแสวงหาองค์ความรู้ใหม่หรือคิดสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของผลผลิตทางศิลปะการแสดงให้มีคุณภาพระดับสากล สร้างประสบการณ์และการรับรู้ศิลปะการแสดงร่วมสมัยแก่ผู้คนในวงกว้างทั้งในระดับชุมชนและนานาชาติ จนนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีสานและสังคมไทยผ่าน “พื้นที่ศิลปะการแสดง”

          เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หลักสูตรฯ ได้พัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ระดับหลักสูตร (Program Learning Outcomes) ที่ครอบคลุมทักษะความรู้ ทักษะปฏิบัติ และทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตของบัณฑิตสาขาวิชาการแสดงตามสมรรถนะของวิชาชีพทางด้านการแสดงดังนี้

          สมรรถนะหลัก

PLO1.  สมรรถนะด้านการเล่าเรื่อง (Storytelling Skills: ST)

PLO2.  สมรรถนะด้านการสร้างการแสดง (Performance Making Skills: PM)

          สมรรถนะเสริม

PLO3.  สมรรถนะด้านการประยุกต์ใช้การแสดง (Applied Performance Skills: AP)

PLO4.  สมรรถนะด้านสื่อดิจิทัลและเทคโนโลยี (Digital Media and Technology Skills: DT) 

PLO5.  สมรรถนะด้านบริหารจัดการการแสดง (Performance Management Skills: PM)

         

          ผลผลิตของบัณฑิตภายใต้หลักสูตรนี้จึงต้องมีสมรรถนะสำคัญหลักทางด้านการแสดงได้แก่ ทำ”การแสดงดี “คิด”การแสดง...ได้  “ใช้”การแสดง...เป็น เป็นผู้ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ได้แก่ (1) เป็นนักคิดสร้างสรรค์และนักปฏิบัติการทางการแสดง (2) เป็นนักจัดการการแสดง ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหน้าหรืออยู่เบื้องหลังสามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะในการทำงานที่หลากหลายได้อย่างมืออาชีพ และ (3) เป็นนักประยุกต์ นักส่งเสริมและนักพัฒนาวัฒนธรรมร่วมสมัย เป็นผู้สร้างสรรค์และผู้ขับเคลื่อนศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยได้อย่างมีรสนิยมบนพื้นฐานของการเคารพวัฒนธรรมที่หลากหลายมีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณตามหลักวิชาชีพทางการแสดงสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาตนเองและเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม

          หลักสูตรนี้เหมาะกับใคร?

  1. ผู้ที่หลงใหล มีใจรัก และมีทักษะ....ด้านการแสดง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงละคร ร้อง ลำ แรป เต้น ฟ้อน รำ พิธีกร เล่นดนตรี ฯลฯ
  2. ผู้ที่หลงใหลและชื่นชอบ....ในการเล่าเรื่อง ชอบทำการแสดง ชอบคิดการแสดง ชอบสื่อสารผ่านการแสดง ทั้งบนเวที หน้ากล้อง หรือสื่อโซเชี่ยล กล้าคิดสร้างสรรค์ รักความท้าทาย กล้าสร้างความแตกต่าง
  3. ผู้ที่หลงใหลและคลั่งไคล้...ในการทำงานเบื้องหลัง ชอบทำงานเป็นทีม เป็นนักคิดสร้างสรรค์ เป็นนักจัดการ เป็นผู้ที่คอยผลักดันให้การแสดงเบื้องหน้าประสบความสำเร็จ

          คุณสมบัติของผู้สมัคร

  • นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ซึ่งกำลังศึกษาในปีการศึกษา 2564
  • ผู้สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่าที่จบก่อนปีการศึกษา 2564
  • มีผลการเรียน GPAX (รวม5เทอม) ไม่ต่ำกว่า 00

 

พร้อมเปิดรับนักศึกษาใหม่ปีแรก ในปี 2565    

รับจำนวน 30 ที่นั่ง

เปิดรับสมัครคัดเลือกในรอบ PORTFOLIO เพียงรอบเดียวเท่านั้น!

สามารถติดตามรายละเอียดการรับสมัคร ได้ที่ Facebook Fan page : Performance Practice KKU

 

                                                                                                                                          

     
         
       
       
     

 

                                                                  

   

ข่าวประชาสัมพันธ์

สานศิลป์ (จดหมายข่าว)